ประเทศฝรั่งเศส
สาธารณรัฐฝรั่งเศส เป็นประเทศที่มีศูนย์กลางตั้งอยู่ในภูมิภาคยุโรปตะวันตก
ทั้งยังประกอบไปด้วยเกาะและดินแดนอื่น ๆ ในต่างทวีป
ประเทศฝรั่งเศสแผ่นดินใหญ่ทอดตัวตั้งแต่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจนถึงช่องแคบอังกฤษ
และทะเลเหนือและจากแม่น้ำไรน์จนถึงมหาสมุทรแอตแลนติก
ชาวฝรั่งเศสมักเรียกแผ่นดินใหญ่ว่า หกเหลี่ยม (L'Hexagone)
ประเทศฝรั่งเศสแผ่นดินใหญ่ทอดตัวตั้งแต่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจนถึงช่องแคบอังกฤษ
และทะเลเหนือและจากแม่น้ำไรน์จนถึงมหาสมุทรแอตแลนติก
ชาวฝรั่งเศสมักเรียกแผ่นดินใหญ่ว่า หกเหลี่ยม (L'Hexagone)
ประเทศฝรั่งเศสปกครองด้วยระบอบกึ่งประธานาธิบดี
โดยยึดอุดมการณ์จากปฏิญญาว่าด้วยสิทธิของมนุษย์และของพลเมือง
ประเทศฝรั่งเศสมีพรมแดนติดกับประเทศเบลเยียม ลักเซมเบิร์ก เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์
อิตาลี โมนาโก อันดอร์ราและสเปน และเนื่องจากประเทศฝรั่งเศส
มีดินแดนโพ้นทะเลไว้ในครอบครองทำให้มีอาณาเขตติดกับประเทศบราซิลและซูรินาเม
ประเทศฝรั่งเศสมีพรมแดนติดกับประเทศเบลเยียม ลักเซมเบิร์ก เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์
อิตาลี โมนาโก อันดอร์ราและสเปน และเนื่องจากประเทศฝรั่งเศส
มีดินแดนโพ้นทะเลไว้ในครอบครองทำให้มีอาณาเขตติดกับประเทศบราซิลและซูรินาเม
(ติดกับเฟรนช์เกียนา) และเนเธอร์แลนด์แอนทิลลิส (ติดกับแซ็ง-มาร์แต็ง) อีกด้วย
นอกจากนั้นประเทศฝรั่งเศสยังเชื่อมกับสหราชอาณาจักรทางอุโมงค์ช่องแคบอังกฤษด้วย
ประเทศฝรั่งเศสเคยเป็นหนึ่งในประเทศมหาอำนาจของโลกตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 17
ประเทศฝรั่งเศสเคยเป็นหนึ่งในประเทศมหาอำนาจของโลกตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 17
ในคริสต์ศตวรรษที่ 18 และ 19 จักรวรรดิฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในประเทศจักรวรรดินิยม
ที่มีอาณานิคมในครอบครองมากที่สุดในโลก แผ่อาณาเขตตั้งแต่แอฟริกาตะวันตกจนถึงเอเชียอาคเนย์
ซึ่งเห็นได้ชัดจากอิทธิพลทางวัฒนธรรม ภาษาและการเมืองการปกครองของดินแดนนั้น ๆ
ประเทศฝรั่งเศสถูกจัดให้เป็นประเทศที่พัฒนาแล้วและมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 6 ของโลก
ประเทศฝรั่งเศสยังเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุดในโลกอีกด้วย
โดยมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติกว่า 82 ล้านคนต่อปี
ประเทศฝรั่งเศสเป็นประเทศผู้ก่อตั้งสหภาพยุโรปและมีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มประเทศ
ประเทศฝรั่งเศสยังเป็นประเทศผู้ก่อตั้งสหประชาชาติ เป็นสมาชิกประชาคม
ผู้ใช้ภาษาฝรั่งเศสโลก จีแปด นาโต้และสหภาพละติน
ประเทศฝรั่งเศสยังเป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
และเป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์ที่มีหัวรบนิวเคลียร์กว่า 360 หัวรบและเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 59 แห่ง
โดยมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติกว่า 82 ล้านคนต่อปี
ประเทศฝรั่งเศสเป็นประเทศผู้ก่อตั้งสหภาพยุโรปและมีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มประเทศ
ประเทศฝรั่งเศสยังเป็นประเทศผู้ก่อตั้งสหประชาชาติ เป็นสมาชิกประชาคม
ผู้ใช้ภาษาฝรั่งเศสโลก จีแปด นาโต้และสหภาพละติน
ประเทศฝรั่งเศสยังเป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
และเป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์ที่มีหัวรบนิวเคลียร์กว่า 360 หัวรบและเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 59 แห่ง
โบสถ์นอเทรอดาม แห่งเมืองแรงส์

โบสถ์นอเทรอดามเป็นหนึ่งในโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดของฝรั่งเศส (ช่วงต้นของศตวรรษที่ 12)
ในรูปแบบโกธิค ซึ่งตั้งอยู่ที่ Parvis โบสถ์แห่งนี้เป็นผลงานของ Maurice de Sully
และ Pierre de Montreuil โบสถ์นี้มีชื่อเสียงเนื่องจาก เป็นสถานที่จัดงานสำคัญ ๆ
เช่น งานสถาปนา และพิธีสวมมงกุฎจักรพรรดินโปเลียน
และ Pierre de Montreuil โบสถ์นี้มีชื่อเสียงเนื่องจาก เป็นสถานที่จัดงานสำคัญ ๆ
เช่น งานสถาปนา และพิธีสวมมงกุฎจักรพรรดินโปเลียน
ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์

ที่ตั้ง : เมืองแรงส์ จังหวัดมาร์น แคว้นชองปาญ-อาร์แดน ประเทศฝรั่งเศส
เมืองแรงส์ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส ราว 129 กิโลเมตรทางตะวันออกเฉียงเหนือ
เมืองแรงส์ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส ราว 129 กิโลเมตรทางตะวันออกเฉียงเหนือ
ของปารีสแรงส์ ก่อตั้งขึ้นโดยกอล และ กลายมาเป็นเมืองสำคัญระหว่างสมัยจักรวรรดิโรมัน
ต่อมาแรงส์ก็มามีบทบาทสำคัญต่อราชบัลลังก์ฝรั่งเศสในการเป็นสถานที่สำหรับการทำ
พระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระมหากษัตริย์ฝรั่งเศสที่มหาวิหารโนเทรอดามแห่งแรงส์
ต่อมาแรงส์ก็มามีบทบาทสำคัญต่อราชบัลลังก์ฝรั่งเศสในการเป็นสถานที่สำหรับการทำ
พระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระมหากษัตริย์ฝรั่งเศสที่มหาวิหารโนเทรอดามแห่งแรงส์
ภูมิประเทศ : ประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่ในภูมิภาคยุโรปตะวันตก มีพื้นที่ 543,935
ตารางกิโลเมตร (210,013 ตารางไมล์) ทำให้ประเทศฝรั่งเศสเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุด
ในกลุ่มสหภาพยุโรป ประเทศฝรั่งเศสมีพื้นที่ครอบคลุมลักษณะภูมิประเทศที่หลากหลายมาก
ตารางกิโลเมตร (210,013 ตารางไมล์) ทำให้ประเทศฝรั่งเศสเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุด
ในกลุ่มสหภาพยุโรป ประเทศฝรั่งเศสมีพื้นที่ครอบคลุมลักษณะภูมิประเทศที่หลากหลายมาก
ตั้งแต่ที่ราบชายฝั่งในภาคเหนือและตะวันตก ซึ่งติดกับทะเลเหนือและมหาสมุทรแอตแลนติก
ไปจนถึงเทือกเขาแอลป์ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ ที่ราบสูงมาสซิฟ ซองตราล
ทางภาคใต้ตอนกลางและเทือกเขาปีเรเนส์ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้
ประเทศฝรั่งเศสยังมีจุดที่สูงที่สุดในทวีปยุโรปตะวันตกคือ ยอดเขามงต์บล็องก์
หรือ มองต์บลังก์ (Mont Blanc) ซึ่งสูง 4,807 เมตร(15,770 ฟุต) ตั้งอยู่บนเทือกเขาแอลป์
บริเวณชายแดนประเทศฝรั่งเศสและอิตาลี
ประเทศฝรั่งเศสภาคพื้นทวีปยุโรป ยังมีแม่น้ำต่างๆ ที่สำคัญอีกมากมาย
เช่น แม่น้ำลัวร์,แม่น้ำการอนน์,แม่น้ำแซนและแม่น้ำโรนซึ่งแบ่งที่ราบสูงมาสซิฟ
ตราลออกจากเทือกเขาแอลป์อีกด้วย โดยไหลลงทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่กามาร์ก
ซึ่งเป็นจุดที่ต่ำที่สุดในประเทศฝรั่งเศส (2เมตร หรือ 6.5 ฟุต จากระดับน้ำทะเล)
และยังมีกอร์ส (คอร์ซิกา) ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
ซึ่งเป็นจุดที่ต่ำที่สุดในประเทศฝรั่งเศส (2เมตร หรือ 6.5 ฟุต จากระดับน้ำทะเล)
และยังมีกอร์ส (คอร์ซิกา) ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
ความเป็นมาทางประวัติศาสตร์
มหาวิหารแรงส์ หรือ มหาวิหารโนเทรอดาม (Cathédrale Notre-Dame de Reims)
เป็นมหาวิหารของเมืองแรงส์ ประเทศฝรั่งเศส เมืองแรงส์ก่อตั้งขึ้นโดยกอล
และ กลายมาเป็นเมืองสำคัญระหว่างสมัยจักรวรรดิโรมัน
ต่อมาแรงส์ก็มามีบทบาทสำคัญต่อราชบัลลังก์ฝรั่งเศส
ในการเป็นสถานที่สำหรับการทำพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
พระมหากษัตริย์ฝรั่งเศสที่มหาวิหารโนเทรอดามแห่งแรงส์
มหาวิหารแรงส์ หรือ มหาวิหารโนเทรอดามแห่งแรงส์
และ กลายมาเป็นเมืองสำคัญระหว่างสมัยจักรวรรดิโรมัน
ต่อมาแรงส์ก็มามีบทบาทสำคัญต่อราชบัลลังก์ฝรั่งเศส
ในการเป็นสถานที่สำหรับการทำพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
พระมหากษัตริย์ฝรั่งเศสที่มหาวิหารโนเทรอดามแห่งแรงส์
มหาวิหารแรงส์ หรือ มหาวิหารโนเทรอดามแห่งแรงส์
ยังเคยใช้ในพิธีสวมมงกุฎกษัตริย์ของประเทศฝรั่งเศส
มหาวิหารที่เห็นในปัจจุบันสร้างบนมหาวิหารเดิมที่ถูกไหม้ไปเมื่อค.ศ. 1211
ที่พระเจ้าโคลวิสที่ 1 ผู้ถือกันว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินองค์แรกของฝรั่งเศส
ที่พระเจ้าโคลวิสที่ 1 ผู้ถือกันว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินองค์แรกของฝรั่งเศส
ได้ทำพิธีรับศีลจุ่มจากนักบุญเรมี(St.Remi)
บาทหลวงของเมืองแรงส์ เมื่อค.ศ. 496
ผู้สร้าง/ยุคสมัยที่สร้าง/การก่อสร้าง
มหาวิหารสร้างเสร็จเมื่อปลายคริสต์ศตวรรษที่ 13
ยกเว้นด้านหน้าซึ่งมาเสร็จเอาอีกศตวรรษหนึ่งต่อมา
แต่ยังเป็นสถาปัตยกรรมของคริสต์ศตวรรษที่ 13 ทางเดินกลางขยายให้ยาวขึ้น
เพื่อให้มีเนื้อที่เพียงพอกับผู้ที่เข้าร่วมพิธีสวมมงกุฎ หอสูง 81 เมตร
ยกเว้นด้านหน้าซึ่งมาเสร็จเอาอีกศตวรรษหนึ่งต่อมา
แต่ยังเป็นสถาปัตยกรรมของคริสต์ศตวรรษที่ 13 ทางเดินกลางขยายให้ยาวขึ้น
เพื่อให้มีเนื้อที่เพียงพอกับผู้ที่เข้าร่วมพิธีสวมมงกุฎ หอสูง 81 เมตร
ย่อจากแบบเดิมที่ออกแบบให้สูง 120 เมตร
หอด้านใต้มีระฆังสองใบ ใบหนึ่งคาร์ดินาลแห่งลอเรนตั้งชื่อให้ว่า “ชาร์ลอต”
เมื่อปีค.ศ. 1570 ซึ่งหนักกว่า 10,000 กิโลกรัมหรือ 11 ตัน
เมื่อปี ค.ศ. 1875 รัฐสภาแห่งประเทศฝรั่งเศสอนุมัติเงินจำนวน 80,000 ปอนด์
เพื่อปฏิสังขรณ์ด้านหน้ามหาวิหาร ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของมหาวิหาร
และนับว่าเป็นงานฝีมือชิ้นเอกจากยุคกลาง เมื่อมหาวิหารโดนระเบิดระหว่างสงครามโลก
ครั้งที่หนึ่งก็ได้ทำลายบริเวณสำคัญๆ ของมหาวิหารไปมาก การบูรณะปฏิสังขรณ์เริ่มอีกครั้ง
เมื่อปี ค.ศ. 1919 และมาเสร็จเมื่อในปี ค.ศ. 1938
แต่การซ่อมก็ยังทำต่อเนื่องกันมาโดยมิได้หยุดยั้งจนทุกวันนี้
เมื่อปีค.ศ. 1570 ซึ่งหนักกว่า 10,000 กิโลกรัมหรือ 11 ตัน
เมื่อปี ค.ศ. 1875 รัฐสภาแห่งประเทศฝรั่งเศสอนุมัติเงินจำนวน 80,000 ปอนด์
เพื่อปฏิสังขรณ์ด้านหน้ามหาวิหาร ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของมหาวิหาร
และนับว่าเป็นงานฝีมือชิ้นเอกจากยุคกลาง เมื่อมหาวิหารโดนระเบิดระหว่างสงครามโลก
ครั้งที่หนึ่งก็ได้ทำลายบริเวณสำคัญๆ ของมหาวิหารไปมาก การบูรณะปฏิสังขรณ์เริ่มอีกครั้ง
เมื่อปี ค.ศ. 1919 และมาเสร็จเมื่อในปี ค.ศ. 1938
แต่การซ่อมก็ยังทำต่อเนื่องกันมาโดยมิได้หยุดยั้งจนทุกวันนี้
รูปแบบศิลปะและองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรม
ประตูทางเข้าด้านหน้ามีสามบาน แต่ละบานเต็มไปด้วยรูปปั้นทั้งใหญ่และเล็ก
ประดับประตูกลางอุทิศให้กับพระแม่มารี เหนือประตูแทนที่จะเป็นหน้าบันหินแกะสลัก
กลับเป็นหน้าต่างกุหลาบกรอบเป็นซุ้มโค้งที่ประกอบไปด้วยรูปปั้น
เหนือระดับประตูเป็นระเบียงตรงกลาง และด้านล่าง
เหนือประตูจะมีหน้าต่างกุหลาบบานใหญ่อีกบานหนึ่ง
ประดับประตูกลางอุทิศให้กับพระแม่มารี เหนือประตูแทนที่จะเป็นหน้าบันหินแกะสลัก
กลับเป็นหน้าต่างกุหลาบกรอบเป็นซุ้มโค้งที่ประกอบไปด้วยรูปปั้น
เหนือระดับประตูเป็นระเบียงตรงกลาง และด้านล่าง
เหนือประตูจะมีหน้าต่างกุหลาบบานใหญ่อีกบานหนึ่ง
ถัดขึ้นไปจากนั้นเป็นระเบียงรูปปั้นพระเจ้าแผ่นดิน (gallery of the kings)
ซึ่งมีรูปปั้นพระเจ้าโคลวิสที่ 1 รับศึลจุ่มอยู่ตรงกลาง
ด้านหน้าทางแขนกางเขนด้านเหนือและใต้ตกแต่งด้วยรูปปั้น
ทางด้านเหนือเป็นบาทหลวงของแรงส์ และการตัดสินครั้งสุดท้าย (Last Judgment)
และรูป “พระเยซูผู้งดงาม” (“le Beau Dieu”)
ซึ่งมีรูปปั้นพระเจ้าโคลวิสที่ 1 รับศึลจุ่มอยู่ตรงกลาง
ด้านหน้าทางแขนกางเขนด้านเหนือและใต้ตกแต่งด้วยรูปปั้น
ทางด้านเหนือเป็นบาทหลวงของแรงส์ และการตัดสินครั้งสุดท้าย (Last Judgment)
และรูป “พระเยซูผู้งดงาม” (“le Beau Dieu”)
ทางด้านใต้เป็นหน้าต่างกุหลาบ สมัยใหม่เรื่องศาสดาและสาวก 12 องค์ เมื่อปี ค.ศ. 1481
ไฟไหม้หลังคาวัดและทำลายหอคอยสี่หอที่สูงกว่าหลังคาจนราบลงมาแค่ระดับหลังคา
เหนือบริเวณสงฆ์ขึ้นไปเป็นหอระฆังไม้หุ้มด้วยตะกั่วสูง 18 เมตร
สร้างเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 15 และซ่อมเมื่อปี ค.ศ. 1920
สร้างเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 15 และซ่อมเมื่อปี ค.ศ. 1920
ทางเดินกลางของมหาวิหารยาว 138.75 เมตร กว้าง 30 เมตร สูง 38 เมตร
ทางเดินกลางขนาบด้ายทางเดินข้าง แขนกางเขนก็เป็นทางเดินหลายช่อง
บริเวณสงฆ์เป็นทางเดินคู่ หลังมุขมีทางเดินรอบ
และคูหาสวดมนต์กระจายออกไปทางด้านหลัง
ภายในมีหน้าต่างประดับกระจกสีที่สร้างระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 13 ถึง 20 ประดับ
นอกจากนั้นทางมหาวิหารยังมีพรมทอแขวนผนัง (tapestries)
ชุดที่มีค่าที่สุดถวายให้แก่วัดโดยโรเบิร์ต เดอ เลนองคอรต์ (Robert de Lenoncourt)
ผู้เป็นอัครบาทหลวงในสมัยพระเจ้าฟรองซัวส์ที่ 1 เป็นเรื่องพระแม่มารี
ปัจจุบันตั้งแสดงอยู่ที่วังเทา (Palace of Tau) ซึ่งเดิมเป็นที่ประทับของบาทหลวง
ทางด้านเหนือแขนกางเขนมีออร์แกนในตู้แบบกอธิควิจิตร (Flamboyant Gothic)
นาฬิกาที่ตกแต่งด้วยกลไกที่สวยงามและงานหน้าต่างประดับกระจกสี
โดยศิลปินมีชื่อเสียงชาวรัสเซีย มาร์ค ชากาล (Marc Chagall) ที่ติดตั้งเมื่อ ค.ศ. 1974
มหาวิหารโนเทรอดามแห่งแรงส์ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถาน
ทางประวัติศาสตร์เมื่อปี ค.ศ. 1862 มหาวิหารโนเทรอดามแห่งแรงส์
ได้รับเลือกโดยองค์การยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ. 1991
ทางเดินกลางขนาบด้ายทางเดินข้าง แขนกางเขนก็เป็นทางเดินหลายช่อง
บริเวณสงฆ์เป็นทางเดินคู่ หลังมุขมีทางเดินรอบ
และคูหาสวดมนต์กระจายออกไปทางด้านหลัง
ภายในมีหน้าต่างประดับกระจกสีที่สร้างระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 13 ถึง 20 ประดับ
นอกจากนั้นทางมหาวิหารยังมีพรมทอแขวนผนัง (tapestries)
ชุดที่มีค่าที่สุดถวายให้แก่วัดโดยโรเบิร์ต เดอ เลนองคอรต์ (Robert de Lenoncourt)
ผู้เป็นอัครบาทหลวงในสมัยพระเจ้าฟรองซัวส์ที่ 1 เป็นเรื่องพระแม่มารี
ปัจจุบันตั้งแสดงอยู่ที่วังเทา (Palace of Tau) ซึ่งเดิมเป็นที่ประทับของบาทหลวง
ทางด้านเหนือแขนกางเขนมีออร์แกนในตู้แบบกอธิควิจิตร (Flamboyant Gothic)
นาฬิกาที่ตกแต่งด้วยกลไกที่สวยงามและงานหน้าต่างประดับกระจกสี
โดยศิลปินมีชื่อเสียงชาวรัสเซีย มาร์ค ชากาล (Marc Chagall) ที่ติดตั้งเมื่อ ค.ศ. 1974
มหาวิหารโนเทรอดามแห่งแรงส์ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถาน
ทางประวัติศาสตร์เมื่อปี ค.ศ. 1862 มหาวิหารโนเทรอดามแห่งแรงส์
ได้รับเลือกโดยองค์การยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ. 1991
แหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียง
สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมมากที่สุดมีดังนี้[3] หอไอเฟล (6.2 ล้าน) , พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (5.7 ล้าน) ,
พระราชวังแวร์ซายส์ (2.8 ล้าน) , พิพิธภัณฑ์ออร์เซ (2.1 ล้าน) , ประตูชัยฝรั่งเศส (1.2 ล้าน) ,
ซองตร์ ปอมปิดู (1.2 ล้าน) , มงต์-แซงต์-มิแชล (1 ล้าน) , ชาโต เดอ ชองบอร์ด (711,000) ,
แซงต์-ชาแปลล์ (683,000) , ชาโต ดู โอต์-โคนิคบูร์ก (549,000) , ปุย เดอ โดม (5 แสน) ,
พิพิธภัณฑ์ปิกัสโซ (441,000) และการ์กาสซอนน์ (362,000)
พระราชวังแวร์ซายส์ (2.8 ล้าน) , พิพิธภัณฑ์ออร์เซ (2.1 ล้าน) , ประตูชัยฝรั่งเศส (1.2 ล้าน) ,
ซองตร์ ปอมปิดู (1.2 ล้าน) , มงต์-แซงต์-มิแชล (1 ล้าน) , ชาโต เดอ ชองบอร์ด (711,000) ,
แซงต์-ชาแปลล์ (683,000) , ชาโต ดู โอต์-โคนิคบูร์ก (549,000) , ปุย เดอ โดม (5 แสน) ,
พิพิธภัณฑ์ปิกัสโซ (441,000) และการ์กาสซอนน์ (362,000)
พิพิธภัณฑ์ลูฟร์
พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (ฝรั่งเศส: Musée du Louvre) เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะตั้งอยู่ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
ที่มีชื่อเสียงที่สุด เก่าแก่ที่สุด และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งได้เปิดให้สาธารณะชนเข้าชมได้
เมื่อปี พ.ศ. 2336 มีประวัติความเป็นมายาวนานตั้งแต่สมัยราชวงศ์คาเปเทียง
ตัวอาคารเดิมทีเคยเป็นพระราชวังหลวงซึ่งปัจจุบันเป็นสถานที่ที่จัดแสดงและเก็บรักษาผลงาน
ทางศิลปะที่ทรงคุณค่าระดับโลกเป็นจำนวนมาก อย่างเช่น ภาพเขียนโมนาลิซา,
The Virgin and Child with St. Anne, Madonna of the Rocks ผลงานของเลโอนาร์โดดาวินชี
หรือภาพ Venus de Milo ของอเล็กซานดรอสแห่ง Antiochในปี พ.ศ. 2549
พิพิธภัณฑ์ลูฟร์มีผู้มาเยี่ยมชมเป็นจำนวน 8.3 ล้านคน ทำให้เป็นพิพิธภัณฑ์
ที่มีผู้มาเยี่ยมชมมากที่สุดในโลก และยังเป็นสถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในกรุงปารีส
ที่มีชื่อเสียงที่สุด เก่าแก่ที่สุด และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งได้เปิดให้สาธารณะชนเข้าชมได้
เมื่อปี พ.ศ. 2336 มีประวัติความเป็นมายาวนานตั้งแต่สมัยราชวงศ์คาเปเทียง
ตัวอาคารเดิมทีเคยเป็นพระราชวังหลวงซึ่งปัจจุบันเป็นสถานที่ที่จัดแสดงและเก็บรักษาผลงาน
ทางศิลปะที่ทรงคุณค่าระดับโลกเป็นจำนวนมาก อย่างเช่น ภาพเขียนโมนาลิซา,
The Virgin and Child with St. Anne, Madonna of the Rocks ผลงานของเลโอนาร์โดดาวินชี
หรือภาพ Venus de Milo ของอเล็กซานดรอสแห่ง Antiochในปี พ.ศ. 2549
พิพิธภัณฑ์ลูฟร์มีผู้มาเยี่ยมชมเป็นจำนวน 8.3 ล้านคน ทำให้เป็นพิพิธภัณฑ์
ที่มีผู้มาเยี่ยมชมมากที่สุดในโลก และยังเป็นสถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในกรุงปารีส
พระราชวังแวร์ซายน์
พระราชวังแวร์ซายน์ อยู่ในกรุงปารีสประเทศฝรั่งเศสเป็นพระราชวังที่สวยงามน่ามหัศจรรย์ยิ่ง
แห่งหนึ่งของโลกสมัยปัจจุบัน สร้างโดย พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส
มีอัลเครด เลอ นอสเตอ์เป็นสถาปนิกลงมือสร้างเมื่อ ค.ศ. 1661 สร้างอยู่นาน 30 ปีจึงแล้วเสร็จ
สิ้นเงินค่าก่อสร้าง 500,000,000ฟรังก์ ใช้คนงาน 30,000 คน
ทุกส่วนทำด้วยหินอ่อนสีขาวเป็นแบบอย่างและศิลปกรรมก่อสร้างที่งดงามมาก
ภายในพระราชวังแวร์ซายน์แบ่งออกเป็นห้องต่าง ๆ
เช่น ห้องบรรทม ห้องเสวย ห้องสำราญ ห้องทรงพระอักษร ห้องโถง
ห้องออกว่าราชการ ทุกห้องมีเครื่องประดับประดาล้วนแต่มีค่าสูงมากมายทั้งวัตถุ
และภาพเขียนที่มีชื่อเสียง ห้องที่มีชื่อมากที่สุดของพระราช วังแห่งนี้ก็คือห้องกระจก
ซึ่งเคยใช้เป็นห้องลงนามในสัญญาสงบศึก ระหว่างสัมพันธมิตรกับเยอรมัน
ในมหายุทธสงครามโลกครั้งแรกและเป็นที่ใช้ลงนามในเมื่อเยอรมันบุกตีชนะฝรั่งเศส
ในมหายุทธสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกด้วย ในการทำสงครามใหญ่ทุกครั้ง
ฝรั่งเศสจะประกาศให้กรุงปารีสเป็นเขตปลอดสงครามคือไม่มีทหารตั้งอยู่ทั้งนี้
เพื่อรักษาไม่ให้พระราชวังแห่งนี้ต้องได้รับความเสียหายจากการโจมตีของข้าศึก
แห่งหนึ่งของโลกสมัยปัจจุบัน สร้างโดย พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส
มีอัลเครด เลอ นอสเตอ์เป็นสถาปนิกลงมือสร้างเมื่อ ค.ศ. 1661 สร้างอยู่นาน 30 ปีจึงแล้วเสร็จ
สิ้นเงินค่าก่อสร้าง 500,000,000ฟรังก์ ใช้คนงาน 30,000 คน
ทุกส่วนทำด้วยหินอ่อนสีขาวเป็นแบบอย่างและศิลปกรรมก่อสร้างที่งดงามมาก
ภายในพระราชวังแวร์ซายน์แบ่งออกเป็นห้องต่าง ๆ
เช่น ห้องบรรทม ห้องเสวย ห้องสำราญ ห้องทรงพระอักษร ห้องโถง
ห้องออกว่าราชการ ทุกห้องมีเครื่องประดับประดาล้วนแต่มีค่าสูงมากมายทั้งวัตถุ
และภาพเขียนที่มีชื่อเสียง ห้องที่มีชื่อมากที่สุดของพระราช วังแห่งนี้ก็คือห้องกระจก
ซึ่งเคยใช้เป็นห้องลงนามในสัญญาสงบศึก ระหว่างสัมพันธมิตรกับเยอรมัน
ในมหายุทธสงครามโลกครั้งแรกและเป็นที่ใช้ลงนามในเมื่อเยอรมันบุกตีชนะฝรั่งเศส
ในมหายุทธสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกด้วย ในการทำสงครามใหญ่ทุกครั้ง
ฝรั่งเศสจะประกาศให้กรุงปารีสเป็นเขตปลอดสงครามคือไม่มีทหารตั้งอยู่ทั้งนี้
เพื่อรักษาไม่ให้พระราชวังแห่งนี้ต้องได้รับความเสียหายจากการโจมตีของข้าศึก
ประตูชัย
ประตูชัยนี้ ตั้งอยู่บนถนนช็อง-เอลิเซ่ส์ ที่ตำบลเอตัวล์ บริเวณจตุรัสแห่งดวงดาว (Place de l'Etoile)
เป็นประตูชัยที่สร้างโดยสถาปนิก ชื่อ ช็อง ชาลแกร็ง (Jean Chalgrin)
ในสมัย พระเจ้านโปเลียนที่1 และเสร็จในสมัยพระเจ้าหลุยส์-ฟิลลิปส์ (ค.ศ 1810-1836)
สูง 50 เมตร หนา 50 เมตร และกว้าง 45 เมตร
เป็นประตูชัยที่สร้างโดยสถาปนิก ชื่อ ช็อง ชาลแกร็ง (Jean Chalgrin)
ในสมัย พระเจ้านโปเลียนที่1 และเสร็จในสมัยพระเจ้าหลุยส์-ฟิลลิปส์ (ค.ศ 1810-1836)
สูง 50 เมตร หนา 50 เมตร และกว้าง 45 เมตร
ที่ผนังด้านในใต้ส่วนโค้งมีการตกแต่งด้วยรูปสลักอันสวยงามต่างๆเช่น
ผลงานชื่อ เดอปาร์ต เดส์ โวล็องติเอส หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ ลา มาร์แซย์แยส (La Marseillaise)
และผลงานเกี่ยวกับชัยชนะทางทิศตะวันตก ของ พระเจ้านโปเลียน
ที่ตอนบนของส่วนโค้งเป็นภาพนูนต่ำ แสดงถึงพิธีศพของ มาร์โซ (Marceau)
สงครามอาเล็กซานเดรีย (Alexandrie) ออสเตร์ลิทซ์ (Austerlitz)
ผลงานชื่อ เดอปาร์ต เดส์ โวล็องติเอส หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ ลา มาร์แซย์แยส (La Marseillaise)
และผลงานเกี่ยวกับชัยชนะทางทิศตะวันตก ของ พระเจ้านโปเลียน
ที่ตอนบนของส่วนโค้งเป็นภาพนูนต่ำ แสดงถึงพิธีศพของ มาร์โซ (Marceau)
สงครามอาเล็กซานเดรีย (Alexandrie) ออสเตร์ลิทซ์ (Austerlitz)
มิวซีโดแรง บ้านของประติมากรเอกแห่งฝรั่งเศส ออกุสต์ โรแดง ซึ่งได้กลายเป็น
พิพิธภัณฑ์แสดงผลงานที่ล้ำค่าที่โรแดงได้ทิ้งเอาไว้ให้เป็นสมบัติของชาติ
ผู้ที่รักศิลปะไม่ควรพลาดการไปเยี่ยมชมที่นี
หอไอเฟล

ฝรั่งเศส หอคอยโครงสร้างเหล็ก ที่ Champ de Mars บริเวณแม่น้ำแซน ในเมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศส สถานที่และสัญลักษณ์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของฝรั่งเศสก่อสร้างในปี พ.ศ. 2432 โดยกุสตาฟไอเฟล
ผู้ออกแบบคนเดียวกับเทพีเสรีภาพ เพื่อเป็นสัญลักษณ์การจัดงานแสดงสินค้าโลกในปี 1889
ฉลองครบรอบ 100 ปีแห่งการ ปฏิวัติอุตสาหกรรม หอไอเฟลทำขึ้นจากโลหะ 15,000 ชิ้น
หนักถึง 7,000 ตัน ยึดต่อด้วยน๊อต 2,500,000 ตัว สีทาทั้งหมด 35 ตัน สูง 1,050 ฟุต
สิ้นเงินค่าก่อสร้าง 7,799,401ฟรังก์แรกๆ ที่หอไอฟสร้างเสร็จ
หอไอเฟลได้รับการประณามโดยทั่วไปว่าเป็นไอเดียที่ประหลาดและไม่เข้าท่า
หอคอยไอเฟลได้ชื่อว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในช่วงเวลา พ.ศ. 2432 ถึง 2473
ในปัจจุบัน หอคอยไอเฟลมีนักท่องเที่ยวเยี่ยมชมประมาณ5.5ล้านคนต่อปี
นับเป็นหนึ่งใน7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่
ผู้ออกแบบคนเดียวกับเทพีเสรีภาพ เพื่อเป็นสัญลักษณ์การจัดงานแสดงสินค้าโลกในปี 1889
ฉลองครบรอบ 100 ปีแห่งการ ปฏิวัติอุตสาหกรรม หอไอเฟลทำขึ้นจากโลหะ 15,000 ชิ้น
หนักถึง 7,000 ตัน ยึดต่อด้วยน๊อต 2,500,000 ตัว สีทาทั้งหมด 35 ตัน สูง 1,050 ฟุต
สิ้นเงินค่าก่อสร้าง 7,799,401ฟรังก์แรกๆ ที่หอไอฟสร้างเสร็จ
หอไอเฟลได้รับการประณามโดยทั่วไปว่าเป็นไอเดียที่ประหลาดและไม่เข้าท่า
หอคอยไอเฟลได้ชื่อว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในช่วงเวลา พ.ศ. 2432 ถึง 2473
ในปัจจุบัน หอคอยไอเฟลมีนักท่องเที่ยวเยี่ยมชมประมาณ5.5ล้านคนต่อปี
นับเป็นหนึ่งใน7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่
ของที่ระลึก
นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบประเทศฝรั่งเศสต้องรู้จักข้าวของเครื่องใช้ที่เลื่องชื่อในประเทศฝรั่งเศส
น้ำหอม คือสิ่งแรกที่คุณคิดจะซื้อจากฝรั่งเศสอย่างแน่นอน
เพราะประเทศนี้นั้นมีชื่อเสียงในการทำน้ำหอมอย่างมาก
ฝรั่งเศสนั้นมีชื่อเสียงในด้านการผลิตน้ำหอมที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในโลกเลยทีเดียว
น้ำหอม คือสิ่งแรกที่คุณคิดจะซื้อจากฝรั่งเศสอย่างแน่นอน
เพราะประเทศนี้นั้นมีชื่อเสียงในการทำน้ำหอมอย่างมาก
ฝรั่งเศสนั้นมีชื่อเสียงในด้านการผลิตน้ำหอมที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในโลกเลยทีเดียว
ใครไปเที่ยวฝรั่งเศสก็มักจะซื้อยี่ห้อที่ฝรั่งเศสเป็นต้นตำรับแล้วราคาจะถูกกว่า
ที่นำมาขายในต่างประเทศมาก
เมืองที่มีชื่อเสียงและมีโรงงานผลิตหัวน้ำหอมกลิ่นต่าง ๆ
เมืองที่มีชื่อเสียงและมีโรงงานผลิตหัวน้ำหอมกลิ่นต่าง ๆ
ได้แก่ เมืองกราส ทางตอนใต้ของประเทศ ยี่ห้อน้ำหอมที่ขึ้นชื่อที่ฝรั่งเศสเป็นต้นตำรับ
ได้แก่ Christian Dior, Civenchy, Rochas, Guerlain, Paco Rabanne
เครื่องสำอางเครื่องสำอางนานาชนิด นับตั้งแต่ครีมบำรุงผิว แป้งฝุ่น ลิปสติก
อายแชโดว์ มาสคาร่า อายไลเนอร์ ฯลฯ ที่มีชื่อเสียงในเมืองไทยล้วนผลิตในฝรั่งเศส
เช่น Lancome, Orlane,Yves Saint Laurent ฯลฯ
เสื้อผ้าและสินค้าแฟชั่นทุกคนรู้จักฝรั่งเศสดีในนามของดินแดนแห่งแฟชั่นชั้นนำ
เครื่องสำอางเครื่องสำอางนานาชนิด นับตั้งแต่ครีมบำรุงผิว แป้งฝุ่น ลิปสติก
อายแชโดว์ มาสคาร่า อายไลเนอร์ ฯลฯ ที่มีชื่อเสียงในเมืองไทยล้วนผลิตในฝรั่งเศส
เช่น Lancome, Orlane,Yves Saint Laurent ฯลฯ
เสื้อผ้าและสินค้าแฟชั่นทุกคนรู้จักฝรั่งเศสดีในนามของดินแดนแห่งแฟชั่นชั้นนำ
เพราะ ที่นี่เป็นศูนย์รวมของดีไซเนอร์ชื่อดัง และเป็นต้นฉบับของแฟชั่นทั่วโลกเลยก็ว่าได้
ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าของ Channel, Yves Saint Laurent, Nina Ricci, Guy Laroche, Pierre Cardin
กระเป๋าและเครื่องหนังที่มีชื่อเสียงสุดๆ และเป็นที่นิยมสำหรับคนไทยก็คือ Channelและ Louis Vuitton
ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าของ Channel, Yves Saint Laurent, Nina Ricci, Guy Laroche, Pierre Cardin
กระเป๋าและเครื่องหนังที่มีชื่อเสียงสุดๆ และเป็นที่นิยมสำหรับคนไทยก็คือ Channelและ Louis Vuitton
เรียกได้ว่าถึงขนาดเข้าคิวกันซื้อเลยทีเดียว ร้านขายของที่ระลึกในฝรั่งเศสมีอยู่ทั่วไปตามสถานที่ท่อง
เที่ยวต่างๆและมักมีราคาแพงพอสมควร คือประมาณ 100 บาทขึ้นไปแต่ด้วยความสวยงามและยั่วยวนใจ
ของนานาสินค้าหลากหลายอาจทำให้นักท่องเที่ยวหลงลืมคิดเทียบเงินฟรังค์กับเงินบาทเลยทีเดียว
แหล่งที่มาของข้อมูล :http://pirun.ku.ac.th/~b4913134/tralvel.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น